(https://img2.pic.in.th/pic/ngg-article-39-sep1.jpg)
การตั้งครรภ์เมื่อมีอายุ 35 ปีขึ้นไป หรือที่เรียกว่า การตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก (Advanced Maternal Age - AMA) เป็นเรื่องปกติมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่การตั้งครรภ์ในกลุ่มอายุนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลที่เข้มงวดกว่าปกติ การตรวจคัดกรองในช่วงตั้งครรภ์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่และแพทย์ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของทั้งแม่และทารก ทำให้สามารถวางแผนการดูแลและรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญด้านการประเมินความเสี่ยงทางพันธุกรรม เหตุผลหลักที่การตรวจคัดกรองมีความสำคัญสำหรับคุณแม่ AMA คือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความผิดปกติทางโครโมโซมของทารก การตรวจคัดกรองสำหรับคุณแม่ที่มีอายุมากจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญยิ่งในการดูแลครรภ์ เป็นการดูแลเชิงรุกที่ช่วยให้การตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการวางแผนที่ครอบคลุมสำหรับอนาคตของครอบครัว
เมื่ออายุของมารดาสูงขึ้น คุณภาพของไข่จะลดลง ทำให้โอกาสที่ทารกจะมีภาวะความผิดปกติทางโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม (Trisomy 21), เอ็ดเวิร์ดซินโดรม (Trisomy 18) และพาทูซินโดรม (Trisomy 13) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การตรวจคัดกรองที่แม่นยำ จึงช่วยประเมินความเสี่ยงเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ปัจจุบันมีวิธีการตรวจคัดกรองที่ไม่รุกรานที่ทันสมัย เช่น NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ซึ่งเป็นการเจาะเลือดของคุณแม่เพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของทารกในครรภ์ วิธีนี้มีความแม่นยำสูงและปลอดภัยต่อทารก การตรวจคัดกรองนี้ทำให้คุณแม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะดำเนินการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การเจาะน้ำคร่ำ หรือไม่ ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม (https://www.nggthailand.com/article/39/) ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด การทราบผลความเสี่ยงล่วงหน้าช่วยให้คุณแม่และครอบครัวมีเวลาในการศึกษาข้อมูล เตรียมความพร้อมทางจิตใจ และวางแผนการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับทารกหากมีการวินิจฉัยยืนยัน ความสำคัญด้านสุขภาพของมารดาและการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน การตรวจคัดกรองไม่ได้มีประโยชน์แค่กับลูกเท่านั้น แต่ยังช่วยเฝ้าระวังสุขภาพของคุณแม่เองด้วย คุณแม่ AMA มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ และ ภาวะครรภ์เป็นพิษ การตรวจคัดกรองและการติดตามผลเลือด น้ำหนัก และความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ทำให้แพทย์สามารถตรวจพบภาวะเหล่านี้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และให้การรักษาเพื่อควบคุมอาการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อทั้งแม่และลูก การอัลตราซาวด์อย่างละเอียดที่บ่อยขึ้นจะช่วยติดตามการเจริญเติบโตของทารก ตำแหน่งของรก, และปริมาณน้ำคร่ำ เพื่อให้แน่ใจว่าทารกได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ การตรวจนี้ยังช่วยประเมินความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวน้อยได้ด้วย การเข้ารับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างครบถ้วน มอบความมั่นใจและความอุ่นใจให้กับคุณแม่ลดความวิตกกังวล และช่วยให้คุณแม่สามารถใช้เวลาในการตั้งครรภ์ได้อย่างมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้น