ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีแก้ง่วงขณะขับรถ ไกลแค่ไหนก็พร้อม! พร้อม  (อ่าน 167 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 391
    • ดูรายละเอียด
ขับรถทางไกลทีไร ความง่วงก็เข้ามากวนใจทุกที แต่จะหลับไม่ได้เด็ดขาดนะ! อันตรายมาก! นอกจากเรื่อง “เมาแล้วขับ” ก็มี “ขับรถหลับใน” นี่แหละ ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่นี้ วันนี้จึงนำ “วิธีแก้ง่วงขณะขับรถ” มาให้ทุกคนได้นำไปปฏิบัติตามกัน และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยนะ เพราะเราห่วงใย และใส่ใจในสุขภาพของคุณ…

ภาวะหลับใน คืออะไร ?

ภาวะหลับใน หรือการเผลอหลับระยะสั้น ๆ (Microsleep) คือ การเผลอหลับเฉียบพลัน โดยไม่รู้ตัวเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ราว 1-2 วินาที หรืออาจเป็นนานกว่านั้นก็ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่หากเกิดข้นระหว่างที่คุณขับรถ มาด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถก็จะสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ไกลถึง 25 – 50 เมตรเลยทีเดียว และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนได้

นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตระบุว่า “การหลับใน” เป็นอันตรายเช่นเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะผลต่อการทำงานของสมองส่วนประมวลผล (brain processing) ทำให้การตัดสนใจแย่ลง (Impair judgment) การตอบสนองช้าลง (slower reflexes)

ในขณะที่นักวิจัยจาก The University Of New south Wales และ University of Otago ค้นพบว่า การอดนอนเป็นเวลา 17-19 ชั่วโมง เปรียบเหมือนร่างกายมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่ากับ 0.05 (ระดับอ้างอิงตามกฎหมายต้องต่ำว่า 0.05) หมายความว่าหากเราอดนอน 17- 19 ชั่วโมงแล้วไปขับรถก็เท่ากับว่าทำผิดกฎหมาย

ข้อมูลจากมูลนิธิไทยโรดส์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สัญญาณเตือนว่าเรากำลังจะ “หลับใน”

1. หาวต่อเนื่องบ่อย ๆ

2. กระพริบตาถี่ ๆ ลืมตาไม่ขึ้น

3. มองข้ามสัญญาณไฟ และป้ายจราจร

4. ใจลอยไม่มีสมาธิขณะขับรถ

5. ขับรถส่ายไปมา หรือออกนอกเส้นทาง

6. อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า กระวนกระวาย

7. เมื่ออยู่นิ่ง ๆ ติดไฟแดง หรือรถติด อาจเผลอหลับไม่รู้ตัว

8. จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา

รู้หรือไม่!? ข้อมูลจากสภากาชาดไทย ระบุว่า ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุจากภาวะง่วงนอนบ่อยที่สุด (แม้ว่าผู้ขับขี่จะหลับเพียงพอก็ตาม) คือช่วงเที่ยงคืน (00.00 น.) ถึง แปดโมงเช้า (8.00 น.) และช่วงบ่ายโมง (13.00 น.) ถึง บ่ายสามโมงเย็น (15.00 น.)


ง่วงไม่ขับ! วิธีแก้ง่วงขณะขับรถ ทำยังไงได้บ้าง ?

1. นอนหลับให้เพียงพอ

วิธีแก้ง่วงขณะขับรถ ที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับให้เพียงพอ ก่อนกำหนดวันเดินทาง อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และมีสมาธิในการขับรถมากยิ่งขึ้น และควรปรับตารางนอนในชีวิตประจำวันให้ลงตัว เพื่อให้ร่างกายสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ติดต่อกัน 3 – 4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันอาการง่วงเรื้อรัง

รู้หรือไม่!? ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท มีการศึกษาพบว่า คนขับรถที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน จะมีโอกาสประสบอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ได้นอนเต็มอิ่มถึง 5 เท่าเลยทีเดียว


2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีผลข้างเคียงก่อนออกเดินทาง

ทั้งก่อนขับรถ และขณะเดินทาง ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเด็ดขาด! เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายแม้แค่นิดเดียว ก็มีผลทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง และอาจนำไปสู่การหลับในเฉียบพลันได้

นอกจากนี้ คุณควรงดกินยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมด้วย เช่น ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก, ยาแก้แพ้ แก้คัน, ยากล่อมประสาท, ยาคลายกังวล, ยาแก้เวียนศีรษะ และยาแก้เมารถ เป็นต้น หากเป็นยารักษาโรคที่ต้องกินเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอปรับยาเป็นตัวที่ไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้ง่วงแทน



3. กินแก้ง่วง

วิธีแก้ง่วงตอนขับรถ สุดฮิต ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือผลไม้เปรี้ยว ๆ เลือกกันได้ตามความชื่นชอบ มีติดรถไว้กินระหว่างทาง รับรองว่าช่วยให้ตาสว่างขึ้นได้แน่ เรามีทริกมาแนะนำเพิ่มเติมว่า ควรงดดื่มกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนใด ๆ ก่อนเดินทางอย่างน้อย 2-3 วัน เพราะอาจส่งผลให้นอนหลับไม่สนิท และทำให้คุณง่วงในตอนที่ต้องขับรถได้

นอกจากนี้ น้ำเปล่าเย็น ๆ ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้ระดับออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกตื่นตัวได้ทันที และเป็นการเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายด้วย


4. ของเย็นช่วยได้

การขับรถทางไกลยาว ๆ ทำให้คุณง่วงจากความเหนื่อยล้า ที่ต้องโฟกัสกับเส้นทางเดิม ๆ ในอิริยาบถเดิม ๆ ควรแวะปั๊มข้างทาง เพื่อเข้าห้องน้ำ ล้างมือล้างหน้า ลูบศีรษะ และท้ายทอยให้รู้สึกเย็น ความเย็น และความสดชื่นจากน้ำ จะช่วยให้รู้สึกกะปรี้กะเปร่าขึ้นได้ หรือจะใช้วิธีดมยาดม พิมเสนสูตรเย็นเมนทอล หรือพกผ้าเย็นไว้เช็ดตามใบหน้า ท้ายทอย แขน และข้อพับ ให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นระหว่างทางก็ช่วยได้เหมือนกัน


5. ทำกิจกรรมระหว่างขับรถ

การมีเพื่อนร่วมเดินทาง ชวนพูดคุย หรือชวนเล่นเกมเฮฮาเสียงดัง เป็นอีกวิธีที่ช่วยปลุกให้คุณตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาได้ แถมยังมีคนช่วยจับตาดูการขับขี่ของคุณ และคอยเตือนเมื่อคุณแสดงอาการอ่อนเพลีย หรือสลับกันขับ แบ่งเวลาพักผ่อนได้อีกด้วย

ถ้าต้องขับรถคนเดียว แนะนำให้เปิดเพลงดัง ๆ เพลงแด๊นซ์ ๆ สักหน่อย แต่อย่าให้กลบเสียงรอบข้างจนเกินไป และพกน้ำชา กาแฟ ไว้ในรถบ้าง แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ แนะนำให้พักงีบข้างทาง อย่าลืมล็อครถเพื่อป้องกันผู้ประสงค์ร้าย และเปิดกระจกไว้เพียงนิดหน่อยเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ด้วย


6. ยืดเส้นยืดสายคลายง่วง

การนั่งท่าเดียว ท่าเดิมนาน ๆ ระหว่างขับรถ ย่อมทำให้รู้สึกทั้งเมื่อย ทั้งเหนื่อยล้า อย่าลืมแวะจอดรถพัก เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถเป็นระยะ ๆ ในปั๊มน้ำมัน หรือจอดรถในที่ปลอดภัย แล้วลงมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสาย ทำท่ากายบริหารเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น คลายความเมื่อยล้าจากการนั่งท่าเดิมเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือจะใช้วิธีการนวดไปทั่วบริเวณใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนของเลือด และช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้


7. หลีกเลี่ยงการขับขี่ในช่วงเที่ยงคืนถึงเจ็ดโมงเช้า

เนื่องจากช่วง 24.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ มักจะคุ้นเคยกับการนอนหลับ จึงทำให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และอาจเกิดอาการง่วงซึมหรือหลับในระหว่างขับขี่ได้


8. ไม่ไหวก็พักก่อน

ถ้าง่วงหนักแบบไม่ไหวแล้ว ฝืนไม่ได้จริง ๆ ควรจอดรถนอนแบบจริงจังไปเลยสัก 25-30 นาที เพื่อให้ร่างกายรู้สึกว่าได้นอนพอสมควร เป็น Power Nap ที่สามารถทดแทนการนอนได้ราว 2 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่ก่อนจะหลับไป ควรจอดรถในที่ ๆ คุณมั่นใจในความปลอดภัยด้วย เช่น ปั้มน้ำมันที่มีคนค่อนข้างเยอะ ไม่ควรจอดริมถนน หรือสถานที่ที่เปลี่ยวร้าง



วิธีแก้ง่วงขณะขับรถ ไกลแค่ไหนก็พร้อม! พร้อม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

 

ลงประกาศฟรี ติดอันดับ Google โฆษณาฟรี ประกาศฟรี ขายฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว ลงโฆษณาฟรี google