จัดฟันเด็ก: ดูแลสุขภาพฟันลูกให้ดี ตามคำแนะนำจากหมอฟันสำหรับเด็ก

[siritidaphon]

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ไม่แน่ใจว่าควรดูแลสุขภาพช่องปากลูกน้อยให้แข็งแรงตามวัยอย่างไรดี วันนี้ Homey Dental Clinic มีคำแนะนำจากคุณหมอฟันสำหรับเด็กมาฝากครับ

คำแนะนำในการดูแลสุขภาพช่องปากจากหมอฟันสำหรับเด็ก

ในที่นี้เราขอแบ่งคำแนะนำที่จะช่วยให้ลูกมีสุขภาพฟันที่ดีออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ การทำความสะอาดช่องปากเด็กอย่างถูกวิธี และการเตรียมตัวอย่างไรไม่ให้ลูกรู้สึกกลัวทุกครั้งที่มาหาหมอฟัน ดังนี้

1. การทำความสะอาดช่องปากเด็กอย่างถูกวิธี

1.1 แปรงฟันอย่างไรให้ถูกวิธี

    วางแปรงลงบนฟันหน้าในแนวนอน ทำมุม 45 องศาระหว่างรอยต่อของเหงือกและฟัน
    ขยับแปรงสีฟันไปมาเบา ๆ ตามเหงือกและฟัน อย่างน้อย 10 ครั้ง เริ่มแปรงจากด้านนอกเข้าไปด้านในจนครบทั้งฟันบนและล่าง
    ขยับแปรงไปยังฟันบนแล้วปัดลง ส่วนฟันล่างให้ปัดขึ้น จากด้านนอกไปด้านใน อย่างน้อย 10 ครั้ง
    แปรงลิ้นให้ทั่วอย่างน้อย 10 ครั้ง เพื่อกำจัดแบคทีเรียบนลิ้น
    เสร็จแล้วจึงบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเล็กน้อย เพื่อให้ฟลูออไรด์ยังคงทำงานอยู่ในปาก


เคล็ด(ไม่)ลับในการแปรงฟันให้สะอาดยิ่งขึ้น

ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่า หลังจากแปรงฟันเสร็จให้บ้วนน้ำตามจะช่วยให้ฟันสะอาดยิ่งขึ้น คุณหมอขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ ครับ เนื่องจากน้ำในปากที่มากเกินไป ก็ยิ่งลดประสิทธิภาพการทำงานของฟลูออไรด์ให้น้อยลง ดังนั้นไม่ควรจุ่มน้ำก่อนแปรงฟันหรือบ้วนปากหลังแปรงฟันเสร็จ เพียงแค่ใช้น้ำสะอาดเช็ดคราบยาสีฟันที่ติดตามริมฝีปากออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนใครที่ยังไม่ชิน แนะนำให้จิบน้ำเพียง 1 ช้อนชา กลั้วผสมน้ำลายและคราบยาสีฟันที่เหลืออยู่ในปากแล้วบ้วนทิ้ง เพื่อให้ฟลูออไรด์ยังคงอยู่ในปากเท่าเดิม


2. การเตรียมตัวอย่างไรเมื่อลูกไม่เคยมาหาหมอฟัน

2.1 เตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย

คุณหมอขอแบ่งการเตรียมความพร้อมเป็น 2 แบบ คือการเตรียมความพร้อมด้วยการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี และการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปหาหมอฟัน

การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่สอนให้ลูกทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธีด้วยการแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง หลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที (หลังมื้อเช้าและมื้อเย็น) หากเป็นไปได้ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารเพื่อลดการเกิดเศษอาหารสะสมในช่องปาก โดยอาจใช้ไหมขัดฟันช่วยกำจัดเศษอาหารตามซอกฟันที่แปรงสีฟันแปรงไม่ถึง

สอนลูกแปรงฟันถูกวิธี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปหาหมอฟัน แนะนำให้พาลูกไปหาคุณหมอหลังจากช่วงนอนกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เนื่องจากอารมณ์ของเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ เด็กไม่สามารถอดทนต่อการทำฟันนาน ๆ ได้ นอกจากนี้ควรงดทานอาหารก่อนทำฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และงดนมที่มีฤทธิ์ย่อยยากอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันลูกอาเจียนขณะทำฟัน หากลูกอาเจียนง่าย แนะนำให้ทานน้ำมาก่อนเล็กน้อย เมื่อเด็กทำฟันเสร็จแล้วค่อยให้ทานอาหารอ่อน หรืองดอาหารอีก 30 นาที


2.2 เตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจ

เริ่มจากการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำฟันให้แก่ลูก เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่กลัวง่าย บวกกับมีจินตนาการสูง หากเด็กได้ยินประสบการณ์การทำฟันแย่ ๆ มาจากคนอื่น อาจรู้สึกกลัวและคิดไปเองว่าการทำฟันจะต้องเจ็บมากแน่นอน ส่งผลให้เด็กกลัวการทำฟัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสร้างความคุ้นชินเกี่ยวกับการทำฟันให้ลูกด้วยการเล่านิทานให้ฟังเป็นประจำ เพราะนิทานจะเสริมสร้างจินตนาการและทักษะการเรียนรู้ ช่วยให้เด็กจดจำและมองว่าการทำฟันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แถมยังน่าสนุกเหมือนในนิทานอีกด้วย หรืออาจให้ลูกดูการ์ตูนสนุก ๆ เกี่ยวกับหมอฟันบ้างก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรให้ดูการ์ตูนบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กติดการดูการ์ตูน จนไม่ได้ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ

หากเด็กรู้สึกกลัว คุณพ่อคุณแม่อาจพูดให้ลูกเห็นภาพว่าคุณพ่อคุณแม่ก็เคยทำฟันมาก่อน โดยเปรียบเทียบกันระหว่างการทำฟันวัยเด็กกับการทำฟันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ประมาณว่า “รู้สึกเสียดายจัง น่าจะทำฟันตั้งแต่เด็กดีกว่า ตอนเด็กถอนฟัน/ผ่าฟันแปบเดียวก็หายแล้ว ไม่เจ็บด้วย พอพ่อ/แม่มารักษาฟันตอนโตแล้วก็รู้สึกปวดฟันนานมากเลย พ่อ/แม่ไม่อยากให้หนูเป็นอย่างนั้นเลยนะลูก” เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าการทำฟันในช่วงวัยของเขาดีกว่า นอกจากจะเจ็บน้อยกว่าแล้วยังใช้เวลาไม่นานเหมือนการรักษาฟันตอนโตด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือการพาลูกไปพบคุณหมอฟันเป็นประจำตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น นอกจากจะช่วยให้เห็นพัฒนาการของฟันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นชินกับการมาหาหมอฟัน และไม่รู้สึกกลัวที่จะต้องมา หากมีปัญหาฟันที่ต้องแก้ไข ยิ่งถ้าเด็กได้รับการรักษาเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาฟันตอนอายุมากขึ้นด้วยนะครับ


จัดฟันเด็ก: ดูแลสุขภาพฟันลูกให้ดี ตามคำแนะนำจากหมอฟันสำหรับเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/