ใครที่มีผู้ป่วยติดเตียง หรือนอนอยู่เฉย ๆ ไม่สามารถขยับไปไหนเองได้ อีกไอเท็มที่อยากแนะนำให้มีติดเตียงไว้เลยก็คือ
ที่นอนลม เพราะสิ่งนี้ถือว่าสำคัญตรงที่จะมาช่วยเหลือผู้ป่วยให้ขยับตัวง่ายมากขึ้น ช่วยป้องกันแผลกดทับได้อย่างดี การันตีว่าคุณภาพคุ้มค่าเกินราคาอย่างแน่นอน แต่จะมียี่ห้อไหน รุ่นไหนน่าสนใจบ้างวันนี้เรารวบรวมมาให้ศึกษากันถึง 4 ยี่ห้อไปเลย
4 ที่นอนลมที่ควรมีติดบ้าน เพื่อการดูแลผู้ป่วยง่ายมากขึ้น1. FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์
เริ่มต้นกันที่ยี่ห้อ FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์ โดยที่จะมีรูพ่นอากาศขนาดจิ๋วที่ลอนของที่นอน เพื่อเป็นการช่วยระบายอากาศ ความอับชื้น โดยมีระบบ CPR ที่สามารถปล่อยลมออกมาได้รวดเร็ว สะดวกสบาย สำหรับกรณีฉุกเฉิน ทั้งยังสลับวงจรลมแบบอัตโนมัติได้ทุก 12 นาทีไปอีก ช่วยลดการกดทับ ทำให้แรงกระจายทั่วถึง ไม่ทำให้ติดเตียงเกิดแผล ราคาอยู่ที่ 7,450 บาท ซื้อตอนนี้ผ่านออนไลน์ลดเหลือ 6,230 บาท
2. HOSPRO H-AM02 สีน้ำเงิน
ต่อมาเป็นอีก
ที่นอนลมกันแผลกดทับกับ HOSPRO H-AM02 สีน้ำเงิน ที่ผลิตจากวัสดุพลาสติก PVC ผสมไนลอนเกรดดี สามารถรองรับน้ำหนักของตัวผู้ใช้งานได้ 140 กก. โดยที่บนผืนจะมีจำนวนเซลล์ที่นอน 20 ลอน แยกเปลี่ยนได้ ช่วยลดกระจายแรง ไม่ทำให้เกิดการกดทับ ทำงานด้วยระบบเป่าลม สลับลอนเว้นลอน ปรับระดับความเร็วได้หลายระดับ ราคาอยู่ที่ผืนละ 8,500 บาท แต่หากซื้อตอนนี้ลดเหลือ 6,200 บาทเท่านั้น
3. HOSPRO H-AM01 สีครีม
เป็นอีกรุ่นที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ กับที่นอน
เตียงลม HOSPRO H-AM01 สีครีม ที่ใช้ PVC เกรดดี กันน้ำมาผลิต มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักที่ 135 กก. บนผืนจะมีเซลล์ที่นอน 130 เซลล์ ขนาดแตกต่างกันออกไป ช่วยนวดและกระจายแรงกดทับร่างกาย ทำงานด้วยระบบเป่าลม ปรับระดับความเร็วในการปั๊มได้เยอะ ราคาอยู่ที่ 3,200 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 2,500 บาท
4. FASICARE FB-412 สีชมพู
ปิดท้ายกันที่ FASICARE FB-412 สีชมพู ที่เป็นรูปแบบรังผึ้ง ช่วยป้องกันการเกิดแผลกดทับ รองรับน้ำหนักการเข้าถึง 135 กก. (กระจายน้ำหนัก) ผลิตจาก PVC 0.32 มม. ระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้นได้สูง โดยจะขึ้นรูปที่นอนโดยเทคโนโลยีจากเครื่อง Japan Toshiba power tube ที่จะช่วยลดการรั่วของที่นานตามตะเข็บได้อย่างดี ราคาอยู่ที่ 2,870 บาท หากซื้อตอนนี้ลดเหลือ 2,150 บาทเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นที่นอนลมที่เรานำมาฝาก มาแนะนำ มาบอกต่อ เผื่อว่าใครกำลังลังเลไม่รู้จะตัดสินใจซื้อยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็จะได้ตัดสินใจทันท่วงที เพื่อการใช้งานทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลสบายใจ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพมากที่สุด